อุปกรณ์สื่อสารในเครือข่ายคอมพิวเตอร์
อุปกรณ์การสื่อสาร (communication devices) ทำหน้าที่รับและส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ส่งและรับข้อมูล โดยมีการส่งผ่านทางสื่อกลางดังกล่าวมาแล้ว สัญญาณที่ส่งออกไปอาจอยู่ในรูปแบบดิจิทัล หรือแบบแอนะล็อก ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อกลางที่ใช้ในการเชื่อมต่อ
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายมีหลายแบบด้วยกัน เช่น การต่อผ่านโทรศัพท์บ้านการต่อผ่านเคเบิลทีวี การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใช้สายและไร้สาย ซึ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์สนับสนุนในการเชื่อมต่อในแต่ละแบบ อุปกรณ์การสื่อสารประเภทต่างๆ ที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เช่น
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายมีหลายแบบด้วยกัน เช่น การต่อผ่านโทรศัพท์บ้านการต่อผ่านเคเบิลทีวี การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบใช้สายและไร้สาย ซึ่งจำเป็นต้องมีอุปกรณ์สนับสนุนในการเชื่อมต่อในแต่ละแบบ อุปกรณ์การสื่อสารประเภทต่างๆ ที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เช่น
โมเด็มเป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณแอนะล็อกให้เป็นสัญญาณดิจิตัล เมื่อข้อมูลถูกส่งมายังผู้รับละแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นแอนะล็อก เมื่อต้องการส่งข้อมูลไปบนช่องสื่อสาร กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณดิจิตัลให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก เรียกว่า มอดูเลชัน (Modulation) โมเด็มทำหน้าที่ มอดูเลเตอร์ (Modulator) กระบวนการที่โมเด็มแปลงสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็นสัญญาณแอนะล็อก ให้เป็นสัญญาณดิจิตัล เรียกว่า ดีมอดูเลชัน (Demodulation) โมเด็มหน้าที่ ดีมอดูเลเตอร์ (Demodulator)โมเด็มที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันมี 2 ประเภทโมเด็กในปัจจุบันทำงานเป็นทั้งโมเด็มและ เครื่องโทรสาร เราเรียกว่า Faxmodem
1.1) โมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์ (dial-up modem) เป็นโมเด็มที่ใช้ต่อเข้ากับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านทางสายโทรศัพท์ การเชื่อมต่อใช้วิธีการหมุนโทรศัพท์ติดต่อไปยังผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลต่ำประมาณ 56 kbps ระบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์ ดังรูปที่ 4.36
1.2) ดิจิทัลโมเด็ม (digital modem) เป็นโมเด็มที่ใช้รับและส่งข้อมูลผ่านสายเชื่อมสัญญาณแบบดิจิทัล การเชื่อมต่อโมเด็มแบบนี้ใช้ไม่จำเป็นต้องหมุนโทรศัพท์ไปที่ผู้ให้ผู้บริการอินเทอร์เน็ต โดยโมเด็มจะทำการเชื่อมต่อให้อัตโนมัติเมื่อการใช้งาน สามารถส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงตั้งแต่ 128 kbps ขึ้นไป โดยทั่วไปจะเป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายนอก (external modem) โมเด็มแบบนี้ เช่น
- ดิเอสแอล (Digital Subscriber Line: DSL) เป็นโมเด็มที่ได้รับความนิยมในการใช้งานในบ้าน และสำนักขนาดเล็ก โดยสามารถรับและส่งข้อมูลดิจิทัลด้วยความเร็วสูงกว่าการเชื่อมต่อผ่านโมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์ ตัวอย่างการติดตั้งอีเอสแอลโมเด็ม
- เคเบิลโมเด็ม (cable modem) เป็นโมเด็มทำหน้าที่รับและส่งข้อมูลดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์ผ่านทางสายเคเบิลทีวี บางครั้งเรียกว่ารอดแบนด์โมเด็ม (broadband modem) สามารถรับและส่งข้อมูลได้สูงเหมือนกับดีเอสแอลโมเด็ม ตัวอย่างการติดตั้งเคเบิลโมเด็ม
2. การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN
เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเครื่องต่างกันได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นหรือยี่ห้อเดียวกันแต่หากซื้อพร้อมๆกันก็แนะนำให้ซื้อรุ่นและยีห้อเดียวกันจะดีกว่า และควรเป็น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบ ISAและเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆมักจะไม่มี Slot ISA ควรเป็นการ์ดที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ซึ่งจะมีราคามากกว่าการ์ดแบบ 10 Mbps ไม่มากนัก แต่ส่งขอมูลได้เร็วกว่า นอกจากนี้คุณควรคำหนึงถึงขั้วต่อหรือคอนเน็กเตอร์ของการ์ดด้วยโดยทั่วไปคอนเน็กเตอร์ ของการ์ด LAN จะมีหลายแบบ เช่น BNC , RJ-45 เป็นต้น ซึ่งคอนเน็กเตอร์แต่ละแบบก็จะใช้สายที่แตกต่างกัน
3. เกตเวย์ (Gateway)
เกตเวย์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์หน้าที่หลักคือช่วยให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่า ซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน
4. เราเตอร์ (Router)
เป็นอุปกรณ์ทำหน้าที่สื่อสารระหว่างเครื่องต่างกันได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรุ่นหรือยี่ห้อเดียวกันแต่หากซื้อพร้อมๆกันก็แนะนำให้ซื้อรุ่นและยีห้อเดียวกันจะดีกว่า และควรเป็น การ์ดแบบ PCI เพราะสามารถส่งข้อมูลได้เร็วกว่าแบบ ISAและเมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆมักจะไม่มี Slot ISA ควรเป็นการ์ดที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ซึ่งจะมีราคามากกว่าการ์ดแบบ 10 Mbps ไม่มากนัก แต่ส่งขอมูลได้เร็วกว่า นอกจากนี้คุณควรคำหนึงถึงขั้วต่อหรือคอนเน็กเตอร์ของการ์ดด้วยโดยทั่วไปคอนเน็กเตอร์ ของการ์ด LAN จะมีหลายแบบ เช่น BNC , RJ-45 เป็นต้น ซึ่งคอนเน็กเตอร์แต่ละแบบก็จะใช้สายที่แตกต่างกัน
เกตเวย์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์หน้าที่หลักคือช่วยให้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ 2 เครือข่ายหรือมากกว่า ซึ่งมีลักษณะไม่เหมือนกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้เหมือนเป็นเครือข่ายเดียวกัน
รีพีตเตอร์ เป็นเครื่องทบทวนสัญญาณข้อมูลในการส่งสัญญาณข้อมูลในระยะทางไกลๆสำหรับสัญญาณแอนะล็อกจะต้องมีการขยายสัญญาณข้อมูลที่เริ่มเบาบางลงเนื่องจากระยะทาง และสำหรับสัญญาณดิจิตัลก็จะต้องมีการทบทวนสัญญาณเพื่อป้องกันการขาดหายของสัญญาณเนื่องจากการส่งระยะทางไกลๆ เช่นกัน รีพีตเตอร์จะทำงานอยู่ในชั้น Physical
7. สายสัญญาณ
ตัว กลาง หรือ สาย เชื่อม โยง เป็น ส่วน ที่ ทำ ให้ เกิด การ เชื่อม ต่อ ระ หย่างอุปกรณ์ ต่าง ๆ เข้า ด้วย กัน ซึ่ง ลักษณะ ของ ตัว กลาง ต่าง ๆ มี ดัง ต่อ ไป นี้
7. สายสัญญาณ
ตัว
1) สาย คู่ บิด เกลียว
สาย คู่ บิด เกลียว (twisted pair) แต่ ละ คู่ สาย ทอง แดง จะ ถูก พัน กัน ตาม มาตร ฐาน เพื่อ ลด การ รบ กวน จาก คลื่น แม่ เหล็ก ไฟ ฟ้า จาก คู่ สาย ข้าง เคียง ภาย ในเคเบิล เดียว กัน หรือ จาก ภาย นอก เนื่อง จาก สาย คู่ บิด เกลียว นี้ ยอม ให้ สัญญาณ ไฟ ฟ้า ความ ถี่ สูง ผ่าน ได้ ถึง 10 Hz หรือ 10 Hz เช่น สาย คู่ บิด เกลี่ยว 1 คู่ จะ สามารถ ส่ง สัญญาณ เสียง ได้ ถึง 12 ช่อง ทาง สำหรับ อัตรา การ ส่ง ข้อ มูล ผ่าน สาย คู่ บิด เกลียว จะ ขึ้น อยู่กับความ หนา ของ สาย ด้วย กล่าว คือ สาย ทอง แดง ที่ มี เส้น ผ่าน ศูนย์ กลาง กว้าง จะ สามารถ ส่ง สัญญาณ ไฟ ฟ้า กำลัง แรง ได้ ทำ ให้ สามารถ ส่ง ข้อ มูล ด้วย อัตรา ส่วน สูง โดย ทั่ว ไป แล้ว สำหรับ การ ส่ง ข้อ มูล แบบดิจทั ล สัญญาณ ที่ ส่ง เป็น ลักษณะ คลื่น สี่ เหลี่ยม สาย คู่ บิด เกลียว สามารถ ใช้ ส่ง ข้อ มูล ได้ หลายเมกะ บิตต่อ วินาที ใน ระยะ ทางได้ ไกล หลาย กิโลเมตร เนื่อง จาก สาย คู่ บิด เกลียว มี ราคา ไม่ แพง มาก ใช้ ส่ง ข้อ มูล ได้ ดี แล้ว น้ำ หนัก เบา ง่ายต่อ การ ติด ตั้ง จึง ถูก ใช้ งาน อย่าง กว้าง ขวาง ตัว อย่าง คือ สาย โทรศัพท์ สาย แบบ นี้ มี 2 ชนิด คือ
ก. สาย คู่ บิด เกลียว ชนิด หุ้ม ฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เป็น สาย คู่ บิด เกลียว ที่ หุ้ม ด้วย ฉนวน ชั้น นอก ที่ หนา อีก ชั้น ดัง รูป เพื่อ ป้อง กัน การ รบ กวน ของ คลื่น แม่ เหล็ก ไฟ ฟ้า

สาย คู่ บิด เกลียว ชนิด หุ้ม ฉนวน
ข. สาย คู่ บิด เกลียว ชนิด ไม่ หุ้ม ฉนวน (Unshielded Twisted Pair :UTP) เป็น สาย คู่ บิด เกลียว ที่ หุ้ม ด้วย ฉนวน ชั้น นอก ที่ บาง อีก ชั้น ดัง รูป mำให้ สะดวก ใน การ โค้ง งอ แต่ สามารถ ป้อง กัน การ รบ กวน ของ คลื่น แม่ เหล็ก ไฟ ฟ้า ได้ น้อย กว่า ชนิด แรก

สาย คู่ บิด เกลียว ชนิด ไม่ หุ้ม ฉนวน
สาย
2) สาย โค แอกเชี ยล
สาย โค แอกเชี ยล เป็น ตัว กลาง เชื่อม โยง ที่ มี ลักษณะ เช่น เดียวกับสาย ที วี ที่ มี การ ใช้ งาน กัน มาก ไม่ ว่า ใน ระบบ เครือ ข่าย เฉพาะ ที่ ใน การ ส่ง ข้อ มูล ระยะ ไกล ระหว่าง ชุม สาย โทรศัพท์ หรือ การ ส่ง ข้อ มูล สัญญาณ วีดิทัศน์ สาย โค แอกเชี ยล ที่ ใช้ ทั่ว ไป มี 2 ชนิด คือ 50 โอห์ม ซึ่ง ใช้ ส่ง ข้อ มูล แบบดิจิทั ล และ ชนิด 75 โอห์ม ซึ่ง ใช้ ส่ง ข้อ มูล สัญญาณ แอ นะล็อก สาย โค แอกเชี ยล จะ มี ฉนวน หุ้ม ป้อง กัน การ รบ กวน ของ คลื่น แม่ เหล็ก ไฟ ฟ้า และ สัญญาณ รบ กวน อื่น ๆ ซึ่ง เป็น ส่วน หนึ่ง ที่ ทำ ให้ สาย แบบ นี้ มี ช่วง ความ ถี่ ที่ สัญญาณ ไฟ ฟ้า สามารถ ผ่าน ได้ กว้าง ถึง 500 Mhz จึง สามารถ ส่ง ข้อ มูล ด้วย อัตรา ส่ง สูง

ลักษณะ ของ สาย โค แอกเชี ยล
ลักษณะ
3) เส้น ใย นำ แสง
เส้น ใย นำ แสง (fiber optic) เป็น การ ใช้ แสง เคลื่อน ที่ ไป ใน ท่อ แก้ว ซึ่ง สามารถ ส่ง ข้อ มูล ด้วย อัตรา ความ หนา แน่น ของ สัญญาณ ข้อ มูล สูง มาก ปัจจุบัน ถ้า ใช้ เส้น ใย นำ แสงกับระบบ อี เธอร์เน็ตจะ ใช้ ได้ ด้วย ความ เร็ว 10 เมกะ บิต ถ้า ใช้กับ FDDI จะ ใช้ ได้ ด้วย ความ เร็ว สูง ถึง 100 เมกะ บิต เส้น ใย นำ แสง มี ลักษณะ พิเศษ ที่ ใช้ สำหรับ เชื่อม โยง แบบ จุด ไป จุด ดัง นั้น จึง เหมาะ ที่ จะ ใช้กับการ เชื่อม โยง ระหว่าง อาคารกับอาคาร ระยะ ความ ยาว ของ เส้น ใย นำ แสง แต่ ละ เส้น ใช้ ความ ยาว ได้ ถึง 2 กิโลเมตร เส้น ใย นำ แสง จึง ถูก นำ ไป ใช้ เป็น สาย แกน หลัก เส้น ใย นำ แสง นี้ จะ มี บท บาท มาก ขึ้น เพราะ มี แนวโน้มที่ จะ ให้ ความ เร็ว ที่ สูง มาก

ลักษณะ ของ เส้น ใย นำ แสง
8. ฮับ (HUB)
เป็นอุปกรณ์ช่วยกระจ่ายสัญญาณไปยังเครื่องต่างๆที่อยู่ในระบบ หากเป็นระบบเครือข่ายที่มี 2 เครื่องก็ไม่จำเป็นต้องใช้ฮับสามารถใช้สายสัญญาณเชื่อมต่อ ถึงกันได้โดยตรง แต่หากเป็นระบบที่มีมากกว่า 2 เครื่องจำเป็นต้องมีฮับเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในการเลือกซื้อฮับควรเลือกฮับที่มีความเร็วเท่ากับความเร็ว ของการ์ด เช่น การ์ดมีความเร็ว 100 Mbps ก็ควรเลือกใช้ฮับที่มีความเร็วเป็น 100 Mbps ด้วย ควรเป็นฮับที่มีจำนวนพอร์ตสำหรับต่อสายที่เพียงพอกับ เครื่องใช้ในระบบ หากจำนวนพอร์ตต่อสายไม่เพียงพอก็สามารถต่อพ่วงได้ แนะนำว่าควรเลือกซื้อฮับที่สามารถต่อพ่วงได้ เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต







.jpg)


